โรงเรียนอีโคสคูล (Eco-School) เป็นการทำงานด้านการส่งเสริมกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียน ที่ต่อยอดมาจาก โครงการศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาระดับจังหวัด (พ.ศ.2538-2548) ซึ่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้การสนับสนุนโรงเรียนเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาระดับจังหวัด โดยมีศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาเกิดขึ้นทั้งสิ้น 63 ศูนย์ ใน 53 จังหวัด
ระบบโรงเรียนอีโคสคูล - ความเป็นมา
สมัครได้ที่ https://datacenter.deqp.go.th/service-portal/eco-school-system/derivation/
ความเป็นมา
โรงเรียนอีโคสคูล (Eco-School) เป็นการทำงานด้านการส่งเสริมกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียน ที่ต่อยอดมาจาก โครงการศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาระดับจังหวัด (พ.ศ.2538-2548) ซึ่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้การสนับสนุนโรงเรียนเพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาระดับจังหวัด โดยมีศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาเกิดขึ้นทั้งสิ้น 63 ศูนย์ ใน 53 จังหวัด
ในปี พ.ศ.2548 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้จัดเวทีเสวนา “1 ทศวรรษ : ประสบการณ์การดำเนินงานศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาระดับจังหวัด” ขึ้น เพื่อสรุปผลการทำงานและรับฟังข้อเสนอและข้อคิดเห็นจาก “คนทำงานศูนย์” ซึ่งเวทีเสวนาในครั้งนั้น ได้มีความเห็นร่วมกันว่า การพัฒนางานสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียน ให้ตอบสนองการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น ควรดำเนินการให้กลมกลืนไปกับมิติการเรียนรู้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวผู้เรียน ทั้งในโรงเรียน ที่บ้าน ชุมชนและสังคมภายนอก ประกอบกับองค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้ปี พ.ศ.2548-2557 เป็น “ทศวรรษแห่งการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. 2548-2557” (United Nation Decade of Education for Sustainable Development: DESD 2005-2014)
จึงเป็นที่มาของ “โรงเรียนอีโคสคูล” ซึ่งเป็นเสมือนการทำงานศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาในระยะที่ 2 ที่สนับสนุนแนวคิดการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Approach) ในการขับเคลื่อนการทำงาน ตั้งแต่ระดับนโยบายของโรงเรียน การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับประเด็นท้องถิ่น การจัดการสภาพแวดล้อมในโรงเรียน และ ความร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
วิวัฒนาการการดำเนินงานโรงเรียนอีโคสคูล
ภายหลังจากมีการประกาศ “ทศวรรษแห่งการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พ.ศ. 2548-2557” อย่างเป็นทางการ และ ประเทศสมาชิกอาเซียนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของงาน Eco-School จึงได้ร่วมกันกำหนดให้งาน Eco-School เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่สำคัญของแผนปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมศึกษาอาเซียน ฉบับที่ 2(ASEAN Environmental Education Action Plan 2008-2012) ซึ่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้ทบทวนและศึกษาความเป็นไปได้ และนำแนวคิดโรงเรียนอีโคสคูลมาประยุกต์ใช้กับโรงเรียนในประเทศไทย โดยแบ่งช่วงเวลาของการพัฒนางานโรงเรียนอีโคสคูลได้ดังนี้
- ระยะนำร่อง (พ.ศ.2551-2554) 41 โรงเรียน
ในปี พ.ศ.2551 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้เริ่มดำเนินการโรงเรียนอีโคสคูลอย่างจริงจังผ่านโครงการนำร่อง มีโรงเรียนที่สนใจและสมัครใจเข้าร่วมโครงการในระยะนำร่องทั้งสิ้น 41 โรงเรียน ซึ่งเน้นให้โรงเรียนดำเนินการตามหลักการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Approach) โดยได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (โดย ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล คณะครุศาสตร์) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (โดย รศ.ประสาน ตังสิกบุตร คณะศึกษาศาสตร์) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (โดย อ.สันติภาพ ศิริวัฒนไพบูลย์ คณะวิทยาศาสตร์) และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (โดย ดร.เยาวนิจ กิตติธรกุล คณะสิ่งแวดล้อม) ในการพัฒนาบุคลากรของโรงเรียน เป็นพี่เลี้ยง (Coacher) ร่วมนิเทศและให้คำแนะนำในการขับเคลื่อนการดำเนินงานโรงเรียนอีโคสคูล ตามกรอบพันธกิจทั้ง 4 ด้าน
บทสรุปสำคัญที่ได้จากการดำเนินงานในระยะนำร่อง คือ
(1) ต้องเสริมสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริหารโรงเรียนเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการของโรงเรียนอีโคสคูล
(2) ต้องเสริมศักยภาพและขีดความสามารถของครูในการจัดทำหลักสูตร การวางแผนการจัดการเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ การใช้ศักยภาพของท้องถิ่น ในการจัดกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนและชุมชน โดยเน้นการเรียนรู้เพื่อค้นหาทางเลือกในการใช้ชีวิตและร่วมลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจากผลการเรียนรู้นั้น
(3) ควรเสริมสร้างความเข้าใจที่ตรงกันเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนว่า เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การทำให้โรงเรียนมีสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยปราศจากการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของคน
(4) ควรพัฒนาเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของชุมชน ให้เป็นมากกว่า “แค่” พื้นที่ที่ให้เด็กลงไปเก็บข้อมูล
- ระยะนำร่องพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น (พ.ศ.2555-2557) 51 โรงเรียน
จากบทสรุปของการดำเนินงานในระยะนำร่องพบว่า พันธกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยเสริมการทำงานของโรงเรียนและครูก็คือ พันธกิจที่ 2 การจัดกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งนอกจากจะเป็นหน้าที่หลักของครูทุกคนแล้ว พันธกิจที่ 2 นี้ยังช่วยหนุนเสริมพันธกิจที่ 1 การบริหารจัดการโรงเรียน และ พันธกิจที่ 4 การสร้างเครือข่ายความร่วมมือได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น แนวทางการดำเนินงานโรงเรียนอีโคสคูลในระยะที่ 2 นี้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรและการจัดกระบวนการเรียนรู้เป็นหลัก โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก รศ.ประสาน ตังสิกบุตร มาเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษาและการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน ชุมชนและท้องถิ่น เน้นการเรียนรู้โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community Based Learning) และ การเรียนรู้จากประเด็นปัญหา (Problem Based Learning) โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งในระยะนำร่องพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นนี้ เป็นการสร้างพื้นที่ต้นแบบการจัดการเรียนรู้ประเด็นสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น โดยใช้ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นพื้นที่ดำเนินการและขยายผล ประกอบด้วย
ปี พ.ศ.2555พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ จำนวน 9 โรงเรียน
พื้นที่ชุ่มน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดปทุมธานี จำนวน 9 โรงเรียน
ปี พ.ศ.2556พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ จำนวน 10 โรงเรียน
พื้นที่ชุ่มน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดปทุมธานี จำนวน 10 โรงเรียน
และในปี พ.ศ.2557 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับ สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร และ บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายพื้นที่ต้นแบบการจัดการเรียนรู้ประเด็นสิ่งแวดล้อมเมือง โดยมีโรงเรียนในเขตประเวศ สังกัดกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมเป็นโรงเรียนอีโคสคูล จำนวน 13 โรงเรียน รวมมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการในระยะนำร่องพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นทั้งสิ้น 51 โรงเรียน
- สู่แนวทางการขยายผลโรงเรียนอีโคสคูล
จากประสบการณ์การดำเนินงานโรงเรียนอีโคสคูล กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจึงได้ปรับรูปแบบและวิธีการในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานโรงเรียนอีโคสคูล โดยเน้นการส่งเสริมการดำเนินงานตามพันธกิจที่ 2 (การจัดกระบวนการเรียนรู้) เป็นหลักในช่วงเริ่มต้น ให้ความสำคัญกับกระบวนการนิเทศ-ติดตามและให้คำปรึกษาในการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาสื่อสนับสนุนการดำเนินงาน การประชาสัมพันธ์และเชิดชูผลงาน ตลอดจนการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างโรงเรียนด้วยกันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การขยายผลโรงเรียนอีโคสคูล
ปี พ.ศ.2558 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้เริ่มขยายผลโรงเรียนอีโคสคูลสู่โรงเรียนในสังกัดต่างๆ (เป้าหมายปีละ 60 โรงเรียน) โดยเปิดโอกาสให้โรงเรียนที่มีความพร้อมและสนใจ ประเมินตนเองเพื่อสมัครเข้าร่วมเป็นโรงเรียนอีโคสคูล ซึ่งโรงเรียนที่ผ่านการพิจารณาเบื้องต้น 60 โรงเรียน จะได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานโรงเรียนอีโคสคูลจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง 3 ปี ดังนี้
ด้านงบประมาณ
จำนวน 10,000 บาท ในปีแรก (สำหรับโรงเรียนใหม่ที่ยังไม่เคยเป็นโรงเรียนอีโคสคูลเท่านั้น) เพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้สิ่งแวดล้อมศึกษาของโรงเรียน
ด้านวิชาการ
สื่อ-เอกสารด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร และ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้-ศึกษาดูงาน
ด้านการประชาสัมพันธ์และเชิดชูเกียรติ
เกียรติบัตรเข้าร่วมเป็นโรงเรียนอีโคสคูล (สำหรับโรงเรียนที่เริ่มดำเนินงานในปีแรก) การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โล่รางวัลโรงเรียนอีโคสคูลดีเด่น (สำหรับโรงเรียนที่ดำเนินงานต่อเนื่อง 3 ปี) และ ประเมินโรงเรียนเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมรับรางวัล ASEAN Eco-Schools Award ที่จัดขึ้นทุกๆ 3 ปี
ด้านอื่นๆ
โอกาสในการพัฒนาโรงเรียน เช่น การส่งบุคลากรเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่ายทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน